เปิดศึกสังเวียนคู่ชิง ระหว่าง การฉีดฟิลเลอร์ขมับ VS การเติมไขมัน แบบไหนเหมาะกับคุณ??

การฉีดฟิลเลอร์ขมับ

เสริมดวงด้านความรักและคู่ครอง ด้วยกันฉีดฟิลเลอร์ขมับ หรือ การเติมไขมันแบบนี้ได้ด้วยหรอ?

ตอบ: ได้สิ เพราะตามหลักโหงวเฮ้งกล่าวเอาไว้ว่า หากใครที่มีหน้าผากแคบ ขมับตอบ/บุ๋ม/ยุบ คนผู้นั้นจะอาภัพความรัก ต้องเหนื่อยทำงานหนักเพียงลำพัง  แถมยังทำให้ใบหน้าดูเศร้าหมอง ไม่สดชื่น ไม่มีชีวิตชีวา อีกด้วย

ในทางตรงข้ามใครที่มีหน้าผากกว้างขมับอิ่มฟูจะมีเนื้อคู่อุปถัมภ์ดูแล แหม!! อยากจะฉีดขมับซะตอนนี้เลย

แต่ก่อนที่จะเรามาขึ้นชก คู่ชิง ระหว่างการฉีดฟิลเลอร์ กับ การเติมไขมัน( Fat Tranfer) เรามาเรียนรู้สาเหตุหลักของการเกิดขมับตอบ/ยุบ กันก่อนดีกว่าค่ะ

  1. สาเหตุเกิดจากโครงสร้างกะโหลกศีรษะโหนกแก้มเด่นชัดทำให้ขมับมีลักษณะที่เว้าเข้าเป็นแอ่ง
  2. สาเหตุเกิดจากน้ำหนักตัวที่ลดลงอย่างรวดเร็ว
  3. สาเหตุเกิดจากการจัดฟันหรือการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของขากรรไกรและการเคี้ยวอาหาร
  4. สาเหตุจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นทำให้คอลลาเจน , อีลาสติน, และไขมันมีการสลายตัวไปและทำให้เกิดการยุบตัวของขมับ

เทียบกับชัดๆ ระหว่าง การฉีดฟิลเลอร์ขมับ VS การเติมไขมัน( Fat Tranfer)  ข้อดีข้อเสีย มีอะไรบ้าง??

ฟิลเลอร์ขมับ คือการฉีดสาร( Hyaluronic Acid ) ไฮยาลูรอนิค แอซิด ซึ่งเป็นสารที่ปลอดภัยสูงเพราะผลิตลอกเลียนแบบคงสร้างคอลลาเจนในร่างกายของคนเราเพื่อนำมาใช้ในการทดแทนโครงสร้างผิวที่พออายุมากขึ้น โครงสร้างผิวเหล่านั้นจะเกิดการยุบตัวลง

ข้อดี ของการฉีดฟิลเลอร์ขมับ 

  1. ขั้นตอนการเตรียมตัวไม่วุ่นวายใช้ระยะเวลาไม่นาน
  2. มีความปลอดภัยไร้สารตกค้าง
  3. ได้รับมาตรฐานโลกมีการใช้งานมาแล้วอย่างยาวนานและแพร่หลายทั่วโลก ผ่านการรับรองจาก องค์การอนามัย ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ
  4. ไร้รอยแผลไม่ต้องพักฟื้นบวมน้อยมาก
  5. ให้ความเป็นธรรมชาติ99%
  6. มีความแม่นยำในเชิงปริมาณมากกว่าการฉีดไขมันฉีดจำนวนเท่าไหร่ก็ติดอยู่จำนวนเท่านั้น
  7. นอกจากจะเติมช่องว่างของโครงสร้างผิวแล้วฟิลเลอร์เป็นการอุ้มน้ำซึ่งช่วยให้คุณภาพของผิวดีขึ้นได้อีกด้วย
  8. สามารถฉีดได้บ่อยหรือทยอยฉีดได้ไม่จำเป็นต้องฉีดในปริมาณมากในครั้งเดียว
  9. ปราศจากความเสี่ยงในการดมยาสลบ

การฉีดฟิลเลอร์ขมับ_VS_การเติมไขมัน

ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ขมับ

  1. ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่ถาวรเฉลี่ย 1-2 ปีตามยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่แพทย์เลือกใช้
  2. ค่าใช้จ่ายสูงตามปริมาณที่ใช้ (ราคาคิดเป็น CC)
  3. ฟิลเลอร์นั้นมีของปลอมที่ผลิตออกมาขายในตลาดควรศึกษาให้มั่นใจว่าเป็นของแท้100%

การฉีดไขมันตัวเอง (fat transfer)

เป็นการปลูกถ่ายเซลล์ไขมันจากจุดหนึ่ง ย้ายมายังอีกจุดหนึ่ง (ที่ต้องการเติม) โดยอาจจะเลือกจุดที่มีไขมันดี อย่างเช่น หน้าท้องล่าง , ขาใน เป็นต้น โดยในขั้นตอนของการปลูกถ่ายย้ายเซลล์ จะผ่านขบวนการเก็บ และคัดกรองไขมัน เพื่อนำมาฉีด เซลล์ไขมันเหล่านี้ จะต้องจะเป็นเซลล์ไขมันที่ยังมีชีวิต ไม่สามารถ ผ่านขบวนการความร้อนได้ เนี่องจากจะทำให้เซลล์ตาย ในการปลูกถ่ายไขมันไปยังจุดที่ต้องการ (ขมับ) อาจมีเซลล์ไขมันที่ผสานเซลล์เข้ากับพื้นที่ใหม่ไม่สำเร็จ และเสื่อมสลาย การเป็นเซลล์ไขมันที่ตายแล้ว ในการฉีด แพทย์จึงจะพิจารณาให้ฉีดในปริมาณที่มากว่าปกติ เพื่อเผื่อในกรณีที่เซลล์ปลูกถ่ายไม่สำเร็จ

ข้อดีของการฉีดไขมันตัวเอง ( Fat Tranfer)

  1. ปราศจากอาการแพ้เนื่องจากเป็นเซลล์ไขมันของร่างกายตนเอง
  2. เหมาะสำหรับการฉีดไขมันในหลายพื้นที่เนื่องจากราคาไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณการฉีดทำให้ค่าใช้จ่ายถูกลงเมื่อเทียบกับการใช้ฟิลเลอร์จำนวนมาก
  3. หากเซลล์ที่ปลูกถ่ายติดแล้วจะอยู่ได้นานเท่ากับอายุของเซลล์นั้นๆ
  4. ช่วยให้ผิวหน้าอ่อนเยาว์ลงผิวเด้งขึ้น
  5. ให้ความเป็นธรรมชาติ 100%

ข้อเสียของการฉีดไขมันตัวเอง ( Fat Tranfer)

  1. มีขั้นตอนที่ค่อนข้างยุ่งยากวุ่นวายต้องมีการเตรียมตัวก่อนการเก็บไขมัน ( ดมยาสลบ)
  2. มีผลข้างเคียงจากการเก็บไขมันเขียวซ้ำบวมระบบมีรอยแผลที่เสี่ยงต่อการเป็นแผลเป็นหรือคีลอยด์
  3. มีระยะพักฟื้นจากการดมยาสลบหรือการเก็บไขมัน
  4. การฉีดไขมันตัวเองจะมีการฉีดมากกว่าปริมาณปกติจึงบวมมากกว่าการฉีดฟิลเลอร์
  5. การประเมินปริมาณที่ควรฉีดเป็นไปได้ยาก ไม่แม่นยำ
  6. ในกรณีที่ลูกค้าตัวผอมไม่มีไขมันส่วนเกิน/มีไขมันส่วนเกินน้อยจะไม่เหมาะสมกับวิธีนี้

เป็นยังไงกันบ้างค่ะ เทียบกันหมัดต่อมัดแบบนี้แล้ว จะเห็นได้ชัดเจนว่า ถ้าในพื้นที่ขนาดเล็ก ที่ใช้จำนวนฟิลเลอร์ไม่ได้มาก หรีอพื้นที่ที่มีความละเอียดอ่อน ที่ต้องมีการปั้น การแต่งทรง เคสที่ผอม/มีไขมันน้อย รวมไปถึงลูกค้าที่ ไม่ต้องการความวุ่นวายในการเตรียมตัวก่อนทำ และดูแลหลังทำ เหมือนว่า การฉีดฟิลเลอร์ขมับจะเอาชนะแบบขาดลอยกันไปเลย แต่สำหรับใครที่มีแผนในการการฉีดไขมันทั่วใบหน้า/พื้นที่อื่นรวมด้วย หรือมีแผนที่กำลังจะจำกัดไขมันส่วนเกินอยู่แล้ว ก็แบบว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวกันไปเลย การฉีดไขมันตนเองน่าจะเหมาะมากกว่า แต่ก็ต้องอย่าลืมที่จะดูแลและปฏิบัติตัวก่อนและหลังทำอย่างเคร่งครัดด้วยนะคะ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเลือกใช้วิธีการใดในการเติมขมับ ก็ขอให้ ศึกษาข้อมูล สถานบริการ ความปลอดภัย  และปลอดเชื้อ ศึกษาขอมูลการใช้ เครื่องมือ วัสดุของแท้ ( ได้รับการรับรองจาก FDA หรือ อย.ไทย ) และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด คือ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก่อนการตัดสินใจกันด้วยนะคะ